ในฤดูกาลนี้ แจ็ค กรีลิช เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก กำลังเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างหนักหลังหลายคนมองว่า ยังโชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่คุ้มค่าตัวที่ “เรือใบสีฟ้า” ยอมทุบคลังทำลายสถิติจ่ายไปเมื่อซัมเมอร์ปี 2021
ย้อนกลับไปในปีที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ ยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลถึง 100 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว กรีลิช มาจาก แอสตัน วิลล่า แต่จนถึงตอนนี้ จอมทัพวัย 27 ปี ยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งมาได้เหมือนสมัยที่ค้าแข้งกับพลพรรค “สิงห์ผยอง”
สถิติที่น่าผิดหวังของ แจ็ค กรีลิช
แน่นอนว่า กรีลิช ประสบความสำเร็จในฐานะผู้มีส่วนร่วมพา แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อปีที่แล้ว และนับเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในอาชีพของเจ้าตัวด้วย แต่เมื่อมองจากจำนวนตัวเลขการทำประตูนั้น ค่อนข้างน่าใจหายทีเดียว
ซีซั่นที่แล้ว อดีตกัปตันทีม วิลล่า ลงเล่นในลีกให้กับ แมนฯ ซิตี้ ไปรวมทั้งสิ้น 26 เกม ยิงไปเพียง 3 ลูกเท่านั้น ซึ่งมันน้อยกว่าผู้เล่นในแนวรับอย่าง อายเมริค ลาปอร์ต ปราการหลังชาวฝรั่งเศสของ “เรือใบสีฟ้า” ที่ลงเล่นไป 33 เกม และซัดไป 4 ประตู
มันอาจดูเร็วเกินไปที่หลายๆคนจ้องจะโจมตี กรีลิช เนื่องจากตำแหน่งการเล่นของเขา และบทบาทที่ได้รับมอบหมายจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โค้ชชาวสเปน ให้เป็นคนสร้างสรรค์เกมทางริมเส้นเป็นหลัก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าที่หลักในการทำประตูตกมาเป็นของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หัวหอกชาวนอร์เวย์ ที่เพิ่งย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในบุนเดสลีกา เยอรมัน
อย่างไรก็ตาม บทบาท และหน้าที่ของ กรีลิช ก็คล้ายคลึงกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกชาวอังกฤษ ที่ แมนฯ ซิตี้ ขายให้กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ สเตอร์ลิ่ง ซัดไปถึง 13 ประตู จาก 30 เกมในลีกสำหรับซีซั่นสุดท้ายของเขากับทีม
ค่าตัวมหาศาลจำนวน 100 ล้านปอนด์ ไม่ใช่ความผิดของ กรีลิช ซึ่งเขาสามารถเป็นทางเลือกให้ กวาร์ดิโอล่า ใช้งานได้ แต่ตอนนี้ตำแหน่งตัวจริงในแนวรุกของ แมนฯ ซิตี้ ตกเป็นของ ฟิล โฟเด้น ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษ และ ริยาด มาห์เรซ ตัวรุกชาวแอลจีเรีย ที่คอยยืนสนับสนุน ฮาแลนด์
ย้อนกลับไปในเกม ยูฟ่า แขมเปี้ยส์ ลีก ที่ แมนฯ ซิตี้ เปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม พลิกกลับมาเชือด ดอร์ทมุนด์ 2-1 นั้น กรีลิช ได้ลงสนามเป็นตัวจริง แต่ก็เล่นไม่ออก และโดนเปลี่ยนให้ โฟเด้น ลงสนามแทนในนาทีที่ 60
กวาร์ดิโอล่า ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมกับ ดอร์ทมุนด์ ว่า “เรามีปัญหามากมายในการจับจังหวะเกมของเรา เราอยู่นิ่งเกินไปในช่วงเปลี่ยนจังหวะเกม การเคลื่อนไหวของเราไม่ดุดัน เราต้องดิ้นรน เราเล่นผิดจังหวะเยอะมาก”
อย่างไรก็ตาม หลัง กรีลิช โดนเปลี่ยนออก และ โฟเด้น ลงสนามแทนนั้น จังหวะการเล่นของ แมนฯ ซิตี้ ก็ดีขึ้น โดย กวาร์ดิโอล่า ระบุว่า “พลังงานของ ฟิล โฟเด้น ทำให้เราเล่นได้ดีขึ้น และทำให้เรามีจังหวะที่ดี นี่คือตัวตนของเรา”
กวาร์ดิโอล่า ไม่ได้ออกมาตำหนิ กรีลิช โดยตรง แต่คำพูดของเขาก็แสดงให้เห็นว่า ตลอดเวลาที่อดีตแข้ง วิลล่า อยู่ในสนามนั้น แมนฯ ซิตี้ จะมีการเล่นที่ช้าลง ซึ่งทำให้คู่แข่งสามารถลงมาจัดระเบียบแนวรับได้ ส่งผลให้การหาช่องทำประตูเป็นเรื่องที่ยากขึ้น
มุมมองจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และบทบาที่ต้องเปลี่ยนไปจากเดิม
กรีลิช เป็นนักเตะที่เก็บบอลไว้กับตัวได้ดี และก็ทำให้ทีมไม่เสียการครองบอล แต่มันดูธรรมดาเกินไป ซึ่งบ่อยครั้งที่ดูเหมือนว่า บทบาทหลักของเขาคือ การยืนติดริมเส้นเพื่อทำให้มีพื้นที่สนามกว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และปล่อยให้ ชูเอา กันเซโล่ แบ็คซ้ายชาวโปรตุเกส สอกขึ้นมาทำเกมรุกแทน
กวาร์ดิโอล่า เคยพูดถึง กรีลิช ว่า “บางครั้งเขาอาจจะต้องเป็นคนที่ก้าวร้าว และดุดันมากกว่านี้ การตัดสินใจจ่ายบอลคิลเลอร์พาสในบางจังหวะ มันไม่ใช่เรื่องผิดเลย มันดี เขาสร้างพื้นที่ให้กับคนอื่นๆได้”
กวาร์ดิโอล่า ชื่นชมความสามารถในการเก็บบอลในพื้นที่แคบของ กรีลิช อย่างไม่ต้องสงสัย แต่บางครั้งดูเหมือนว่า ดาวเตะวัย 27 ปี จะเล่นแบบปลอดภัยมากจนเกินไป ซึ่งในจังหวะที่ไม่ชัวร์เขาก็เลือกจะเก็บบอลไว้กับตัวเองเป็นหลัก
ขณะเดียวกัน การวิ่งตัดแนวรับเข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อสร้างโอกาสทำประตูเหมือนที่ สเตอร์ลิ่ง ทำได้บ่อยๆนั้น ไม่ใช่สไตล์การเล่นของ กรีลิช แน่นอนว่า สเตอร์ลิ่ง เคยโดนโจมตีอย่างหนักถึงการใช้โอกาสเปลือง แต่เขาก็ทำให้ แมนฯ ซิตี้ มีอาวุธที่อันตรายจากแถวสอง
กรีลิช เป็นผู้เล่นประเภทที่แตกต่างจาก สเตอร์ลิ่ง อย่างสิ้นเชิง โดยอดีตกัปตันทีม วิลล่า ต้องอาศัยการครองบอลเพื่อสร้างสรรค์เกม แต่ตอนนี้ตัวเลขระบุว่า เขาได้ครองบอลที่ แมนฯ ซิตี้ น้อยกว่าสมัยที่เล่นกับ “สิงห์ผยอง” เสียอีก
กรีลิช เคยให้สัมภาษณ์เมื่อปีที่แล้วว่า “ผมคิดว่า การเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ มันยากกว่าที่ตัวเองคิดไว้มาก เพราะตอนแรกผมคิดว่าตัวเองจะได้บอลมากกว่านี้เพื่อทำแอสซิสต์ และประตูมากขึ้น แต่มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ผมไม่ได้อยู่ใกล้บอลมากเท่ากับที่เคยทำที่ วิลล่า”
ดูเหมือนว่า แฟนบอล แมนฯ ซิตี้ ต้องเอาใจช่วย กรีลิช อย่างหนักสำหรับฤดูกาลที่ 2 ของเขาในถิ่น เอติฮัด สเดเดี้ยม เพราะนอกจากค่าตัวสถิติสโมสรที่เขาต้องแบกความกดดันแล้วนั้น บทบาทในสนามของเขาก็แตกต่างไปจากเดิมพอสมควร ซึ่งหากเขาเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ พลพรรค “เรือใบสีฟ้า” ก็จะมีอีกหนึ่งอาวุธเด็ดไว้คอยโจมตีคู่แข่ง